ในยุคที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19 ภาพของ "กระเช้าติดป้าย" ที่สถานีกระเช้าบนยอดดอยในจังหวัดเชียงใหม่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลมีเดีย ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนกระเช้าทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทเอกชนรายหนึ่งได้ติดป้ายโฆษณาขนาด 3х6 เมตร บนกระเช้าสำหรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ยอดนิยม โดยให้เหตุผลว่าต้องการสร้างรายได้เพิ่มเติมเพื่อบำรุงรักษาระบบกระเช้า อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่บ่นว่าป้ายโฆษณาบดบังทัศนียภาพอันสวยงามของธรรมชาติ

นายสมชาย ใจดี นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ให้ความเห็นว่า "เราเสียเงินมาเพื่อชมวิวธรรมชาติ ไม่ใช่มาเห็นป้ายโฆษณาสินค้า นี่เป็นการทำลายประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรง" ในขณะที่บางฝ่ายเห็นว่าการหารายได้เพิ่มเป็นเรื่องจำเป็น แต่ควรทำในวิธีที่เหมาะสมกว่า

ด้านผู้ประกอบการออกมาชี้แจงว่า ป้ายโฆษณาดังกล่าวเป็นมาตรการชั่วคราวในช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับสู่ระดับปกติก่อนโควิด และสัญญาว่าจะพิจารณาตำแหน่งการติดตั้งใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่าง ดร.พรรณราย อุตสาหกุล จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความเห็นว่า "นี่เป็นสัญญาณของความไม่สมดุลระหว่างการพัฒนาธุรกิจกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ เราควรหาจุดกลางที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้สูญเสียความน่าดึงดูดใจของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย"

ขณะนี้ทางจังหวัดกำลังพิจารณาออกมาตรการควบคุมการติดตั้งป้ายโฆษณาในพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยอาจกำหนดโซนและขนาดที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคล้ายกันในพื้นที่อื่นๆ

กรณีกระเช้าติดป้ายนี้ไม่เพียงแต่เป็นประเด็นด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและความสุขของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจกลายเป็นแบบอย่างสำหรับการแก้ไขปัญหาคล้ายกันในอนาคต

ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังถกเถียงถึงทางออกที่เหมาะสม เห็นได้ชัดว่าความสมดุลระหว่างรายได้และการอนุรักษ์จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทยในยุคใหม่ ที่ต้องคำนึงถึงทั้งความยั่งยืนและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวควบคู่กันไป